รายละเอียดบทคัดย่อ


ปัญจพล บุญชู, จิตผกา ธนปัญญารัชวงศ และ ฉลอง มณีกุล. 2531. ระบบการปลูกข้าวนาปีและการทำประมงในหมู่บ้านยากจนของชายฝั่งทะเลสาบสงขลา.  ใน: รายงานการสัมมนาระบบการทำฟาร์ม ครั้งที่ 5 : . ระหว่างวันที่ 4-7 เมษายน 2531 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ.  น.184-193.

บทคัดย่อ

         ข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลจากการสำรวจเกษตรกรจำนวน 76 รายของบ้านท่าหยี ซึ่งเป็นหมู่บ้านยากจนที่สุดของ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา คณะผู้วิจัยได้ใช้หลักการของการวิจัยระบบการทำฟาร์มเป็นเครื่องมือในการจำแนกระบบกา รเกษตรในอำเภอรัตภูมิ คือระบบข้าวไร่-ยางพารา-ไม้ผล ระบบข้าวนาปี-นาครั้งที่สอง ระบบยางพารา-ข้าวนาปี-ผัก และระบบข้าวนาปี-ประมง บ้านท่าหยีได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านตัวแทนของระบบข้าวนาปี-ประมง พบว่าในหมู่บ้านยากจนแห่งนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่เตรียมแปลงเพาะกล้าต้นเดือนกรกฎาคม และแปลงปักดำช่วงเดือนกันยายนต่อกับตุลาคม และประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ใช้รถไถเดินตามเป็นเครื่องมือในการเตรียมดิน เกษตรกรส่วนใหญ่ (83 เปอร์เซ็นต์) ปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง พันธุ์ที่นิยมกันมากคือ ทองหอม นางเอก และโต๊ะมัย เกษตรกรเพียง 17 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ปลูกข้าวพันธุ์ส่งเสริม เหตุผลสำคัญที่ไม่ปลูกข้าวพันธุ์นี้คือ ดินที่นาของตนไม่เหมาะสมกับพันธุ์ข้าวส่งเสริมไม่มีเมล็ดพันธุ์ และบางรายไม่รู้จักข้าวพันธุ์ส่งเสริมเลย เกษตรกรในหมู่บ้านยากจนแห่งนี้ ใช้ปุ๋ยเคมีกันอย่างกว้างขวาง (80 เปอร์เซ็นต์) สำหรับแปลงกล้าใช้อัตราเฉลี่ย 20 กก./ไร่ ส่วนในแปลงปักดำอัตรา 13 กก./ไร่ มีการใช้ยาฆ่าแมลง (4 เปอร์เซ็นต์) และเบื่อหนูน้อยมาก (1 เปอร์เซ็นต์) ปัญหาสำคัญที่สุดในการทำนา คือ สภาพดินเค็ม ดินเปรี้ยวและการขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง ประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ให้ข้อมูลทำการประมงเป็นอาชีพรอง เกษตรกรกลุ่มนี้รายงานว่า อุปสรรคสำคัญของการทำประมง คือจำนวนสัตว์น้ำที่จับได้ในทะเลสาบสงขลา ลดน้อยลงเนื่องจากมีผู้จับมากขึ้น ความยากจนในหมู่บ้านมีสาเหตุเนื่องจากพื้นที่ทำนาขนาดเล็ก (10ไร่/ครอบครัว) และความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เทคโนโลยีในการทำนาไม่เหมาะสมโดยเฉพาะพันธุ์ข้าวที่ทางราชการแนะนำส่งเสริมไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของหมู่บ้านย ากจนแห่งนี้ การทำการประมงยังไม่ได้รับการศึกษาและพัฒนาจากทางราชการอย่างจริงจัง